ในงานศึกษาระดับโลกที่จัดทำโดยออราเคิล คนทำงาน 76% คิดว่าบริษัทของเขาควรทำอะไรมากขึ้นเพื่อปกป้องดูแลสุขภาพจิตของพวกเขา
โควิด-19 ทำให้เกิดบรรยากาศที่ซ้ำเติมให้พนักงานมีอัตราการมีภาวะหมดไฟ เหนื่อยล้าและทำงานมากเกินไปเพิ่มขึ้น ขณะที่การทำงานทางไกลได้กลายเป็นแนวปฏิบัติเพื่อสอดคล้องกับมาตรการรักษาระยะห่าง พนักงานก็มีความลำบากในการกำหนดขอบเขตระหว่างเรื่องส่วนตัวและเรื่องงานที่ดีต่อสุขภาพ หลาย ๆ คนไม่สามารถ “หยุดทำงาน” ได้เพราะทำงานนานกว่าชั่วโมงทำงานปกติในแต่ละสัปดาห์
ข้อมูลที่จัดเก็บจากสมาชิกของนัลลูรี่เผยให้เห็นว่าจำนวนคนที่เข้าร่วมโปรแกรมบำบัดรักษาแบบดิจิทัลเพื่อขอรับซัพพอร์ตด้านสุขภาพจิตนับตั้งแต่มาเลเซียใช้มาตรการบังคับการสัญจร (Malaysian Movement Control Order / MCO) ในเดือนมีนาคมปีที่แล้วเพิ่มขึ้น 256% ขณะเดียวกัน จำนวนสมาชิกที่พบนักจิตวิทยาในทีมให้การดูแลก็เพิ่มขึ้นคิดเป็น 150% หลังจากที่เริ่มใช้ MCO
ในภาพรวม ข่าวเกี่ยวกับการลดค่าจ้างและลดขนาดองค์กรได้กดดันผู้คนมากขึ้นที่จะต้องทำงานให้สำเร็จโดยเกิดจากความกลัวที่จะตกงาน ความกดดันที่เพิ่มขึ้นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นโดยไม่มีผลเสีย งานสำรวจระดับโลกชิ้นหนึ่งระบุว่าผู้ร่วมตอบแบบสำรวจ 67% มีความเครียดระดับสูงขึ้นนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19
เพื่อพิจารณาข้อกังวลที่มีเพิ่มขึ้นนี้ บริษัทได้หันไปใช้โปรแกรมช่วยเหลือพนักงาน (EAP) ที่มีโครงสร้างเพื่อช่วยพนักงานให้อยู่ได้กับสิ่งแวดล้อมใหม่และให้ทรัพยากรที่สามารถช่วยพวกเขาจัดการกับความเครียดและสุขภาวะตัวเอง การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้เปลี่ยน EAP ให้กลายเป็น “วิถีปกติใหม่” และประโยชน์ที่ได้ก็มีมากพอที่จะทำให้โปรแกรมนี้จะยังคงมีต่อไปแม้หลังจบจากสถานการณ์โควิด-19 แล้ว
ทำไม EAP จะยังคงอยู่ต่อไป
รายงานประจำปี 2563 ของ Workplace Outcome Suite (WOS) ได้ทำการวัดประสิทธิภาพของการให้คำปรึกษาที่มาจาก EAP ที่มีต่อผลการทำงานของพนักงาน จากรายงานได้พบผลลัพธ์ที่ดีขึ้น 5 ประการ คือ การมาทำงานแต่ไม่ได้ทำงาน ความผูกพันกับงาน ความกังวลใจในที่ทำงาน การขาดงาน และความพึงพอใจในชีวิตโดยรวม
นอกจากนี้ EAP ยังเป็นวิธีบอกให้พนักงานรู้ว่าบริษัทห่วงใยเกี่ยวกับความเป็นอยู่ของพวกเขาอย่างแท้จริง เมื่อพนักงานรู้สึกว่าบริษัทห่วงใย ไม่เพียงแต่เขาจะจงรักภักดีต่อบริษัทมากขึ้น เขายังจะทำงานหนักขึ้นพื่อทำงานให้สำเร็จ รายงานการศึกษาที่จัดทำขึ้นโดยนักวิจัยฮาร์วาร์ดเปิดเผยว่าค่ารักษาพยาบาลลดลงประมาณ $3.27 ต่อทุก 1 ดอลล่าห์ที่ใช้จ่ายในโปรแกรมเพื่อการดูแลรักษาสุขภาพและต้นทุนจากการขาดงานลดลงประมาณ $2.73 ต่อทุก 1 ดอลล่าห์ที่ใช้ไป
ไม่ใช่ว่า EAP ทั้งหมดจะเหมือนกัน
ไม่ว่าจะเป็นทรัพยากรเรียนรู้ด้วยตัวเองเกี่ยวกับวิธีจัดการความเครียดให้ดีขึ้น โปรแกรมฝึกสติ หรือการจัดสรรการนัดพบเพื่อรับคำปรึกษา บริษัทควรพิจารณาว่าแบบไหนเหมาะสมกับพนักงานของตนเองมากที่สุด EAP อย่างที่นัลลูรี่นำเสนอ เป็นการให้โซลูชั่นที่ปรับตามบุคคลได้เพื่อให้บริการซัพพอร์ตแบบเต็มรูปแบบตั้งแต่ระดับป้องกันจนถึงแบบรุนแรง และทำให้ผู้ว่าจ้างสามารถมอบโซลูชั่นที่ปรับเปลี่ยนเฉพาะพนักงานแต่ละรายซึ่งตรงกับเป้าหมายสุขภาพของแต่ละบุคคล
ตอนนี้พนักงานสามารถอ้างอิงถึงทรัพยากรและเครื่องมือใน EAP ไม่เพียงเพื่อจัดการกับปัญหาที่เกี่ยวกับงานเท่านั้น แต่ยังใช้ได้กับเรื่องที่เป็นปัญหาส่วนตัว อาทิ ที่ปรึกษาทางการเงิน การจัดการวิกฤติ หรือแม้กระทั่งคำแนะนำการเลี้ยงดูลูกสำหรับพ่อแม่ที่ทำงาน เมื่อพนักงานสามารถดูแลชีวิตของเขาได้ดีขึ้น เขาจะมีความสุขและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และนั่นเองจะมีผลพวงต่อประสิทธิภาพในการทำงานของเขาด้วย
ตอนนี้ EAP ยังเข้าถึงได้มากขึ้นอีกด้วย ตัวอย่างเช่น นัลลูรี่พร้อมให้บริการทางดิจิทัลผ่านแอปโมบาย ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงทรัพยากรและข้อมูลเพื่อสุขภาวะได้อย่างสะดวกสบาย ซึ่งทำให้ง่ายต่อผู้ว่าจ้างในการขยายการใช้ EAP ให้ถึงคนทำงานที่มีทั้งหมด โดยไม่ต้องพิจารณาว่าพนักงานเลือกทำงานที่บ้านหรือที่สำนักงานกลาง
EAP บางโปรแกรมจะเน้นไปที่กิจกรรม โฟกัสเรื่องการติดตามกิจกรรมของสมาชิกโดยผ่านทางเครื่องมือ อาทิ ตัวติดตามก้าวเดิน หรือตัวนับแคลอรี่ แต่สำหรับนัลลูรี่ เราจะโฟกัสที่ผลลัพธ์สุดท้าย โดยอาศัยผลลัพธ์ทางการรักษาในการวัดความก้าวหน้าของสมาชิกและติดตามพัฒนาการของเขา ตัวอย่าง ระดับน้ำตาลในเลือดที่ลดลงสำหรับสมาชิกที่จัดการเบาหวาน หรือระดับความดันโลหิตที่ดีขึ้นสำหรับสมาชิกที่มีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ โดยตรวจวัดผ่านฟีเจอร์การติดตามสุขภาพแบบดิจิทัลในแอปนัลลรี่
ในฐานะผู้ให้บริการการดูแลสุขภาพ นัลลูรี่จะทำให้เป็นเรื่องง่ายขึ้นสำหรับบริษัทที่จะขยายขอบเขตไปสู่ทีมที่ทำงานในสำนักงานกลาง ทำที่บ้าน และทำแบบไฮบริด และมอบความสะดวกสบายและการดูแลสุขภาพที่เน้นผลลัพธ์ให้กับพนักงาน
บทความนี้ถูกนำเสนอโดยนักโค้ชสุขภาพจิตของ Naluri แพลตฟอร์ม Naluri เสริมให้คุณพัฒนานิสัยการดูแลสุขภาพที่ดี เรียบเรียงผลลัพธ์สุขภาพที่มีความหมาย และสร้างความเป็นสุขและสุขใจผ่านการโค้ชที่ประเมินและกำหนดเป้าหมายให้บุคคล โดยมีการเรียนรู้ที่ตั้งโครงสร้าง บทเรียนที่นำตัวเอง และเครื่องมือและอุปกรณ์ทางสุขภาพที่ช่วยให้คุณมีสุขภาพที่ดีขึ้นและมีความสุขมากขึ้น ดาวน์โหลดแอป Naluri ได้ทันทีหรือติดต่อ hello@naluri.life เพื่อข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้บริการโค้ชและการรักษาดิจิตออนไลน์เพื่อเป็นคนที่มีความสุขและมีสุขภาพที่ดีขึ้น