ถึง ผู้อ่านที่รัก
ในฐานะโค้ชสุขภาพจิตและนักจิตวิทยาคลินิกของ Naluri ฉันมีโอกาสได้อยู่กับผู้รับบริการของฉันในช่วงเวลาที่พวกเขาเปราะบางที่สุด และผ่านทางการสนทนาเหล่านี้ มีความคิดหนึ่งที่วนเวียนอยู่ในใจฉันอยู่เสมอ: อะไรคือสิ่งที่ฉันอยากให้ผู้คนรู้มากขึ้นเกี่ยวกับสุขภาพจิต? ฉันมักสงสัยว่าอะไรจะทำให้การเดินทางของผู้คนง่ายขึ้นและลดความรู้สึกโดดเดี่ยวลงได้บ้าง และวันสุขภาพจิตโลก 2024 ยิ่งใกล้จะมาถึง คำถามนี้ก็ยิ่งดูจะมีความสำคัญและควรได้รับการพูดถึงมากกว่าเดิม
สุขภาพจิตเป็นสิ่งที่เราทุกคนมี แต่สำหรับหลายๆ คนแล้ว มันถูกซ่อนไว้ด้วยความเงียบ ถูกเข้าใจผิด หรือถูกผลักไสออกไป เราอาศัยอยู่ในโลกที่พร้อมรับแนวคิดเรื่องการดูแลร่างกายของเรา แต่กลับลังเลเมื่อเป็นเรื่องของสุขภาพจิต แต่สุขภาพจิตคือแก่นแท้ของตัวตนของเรา มันหล่อหลอมความคิด อารมณ์ และวิธีที่เราจะรู้สึกถึงทุกวันในชีวิตของเรา
ปีนี้ แคมเปญวันสุขภาพจิตโลก 2024 ของ Naluri มีหัวข้อว่า "คุณหวังว่าตัวเองจะรู้อะไร?" นี่เป็นคำเชิญชวนที่ทรงพลังและเป็นการเตือนให้สะท้อนคิด เปิดใจ และเริ่มการสนทนาที่สามารถสร้างความแตกต่างได้ ดังนั้น วันนี้ ฉันจึงเขียนจดหมายเปิดผนึกฉบับนี้เพื่อแบ่งปันสิ่งที่ฉันอยากให้ผู้คนรู้มากขึ้นเกี่ยวกับสุขภาพจิต เป็นความจริงที่อาจช่วยให้คุณใช้ชีวิตอย่างมีความเห็นอกเห็นใจ เชื่อมโยงกับผู้อื่นได้ และมีสุขภาพดีขึ้น
ฉันอยากให้ผู้คนรู้ว่าสุขภาพจิตนั้นสำคัญเท่ากับสุขภาพกาย เรามักพูดถึงการดูแลร่างกายของเรา การกินดี การออกกำลังกาย การพักผ่อน แต่เราให้ความสนใจกับจิตใจของเราบ่อยแค่ไหน? สุขภาพจิตของเรามีอิทธิพลต่อทุกสิ่งที่เราทำ ทั้งความสัมพันธ์ที่เราบ่มเพาะ ความเครียดที่เราแบกรับ และแม้แต่พลังงานที่เรามีตอนตื่นขึ้นมาในแต่ละวัน เมื่อเราละเลยสุขภาพจิต มันเหมือนกับการเพิกเฉยต่อรากฐานของบ้านและคาดหวังว่ามันจะไม่แตกร้าวภายใต้แรงกดดัน สุขภาพจิตสมควรได้รับการดูแลเช่นเดียวกับสุขภาพกาย และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมการพูดคุยเกี่ยวกับสุขภาพจิตอย่างเปิดเผยและปราศจากความกลัวการถูกตัดสินจึงมีความสำคัญ
สุขภาพจิตไม่ใช่สิ่งที่เป็นนามธรรมที่มีอยู่เฉพาะในจิตใจของเรา มันส่งผลกระทบต่อทุกส่วนของชีวิตเรา มันแสดงออกในวิธีที่เราปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น วิธีที่เราจัดการกับความผิดหวัง หรือวิธีที่เราฝ่าฟันในสถานการณ์ที่ยากลำบาก เมื่อใครสักคนมีปัญหาสุขภาพจิต มันไม่ใช่สิ่งที่ "อยู่แค่ในหัว" ของพวกเขา แต่มันเป็นประสบการณ์ต่อทั่วทั้งร่างกายและทั้งชีวิต มันส่งผลต่อพลังงาน แรงจูงใจ และแม้แต่สุขภาพทางกายของเรา เราต้องเลิกมองว่าปัญหาสุขภาพจิตเป็นสิ่งที่มองไม่เห็นหรือเป็นเรื่องรอง เพราะมันเป็นจริงและมีความสำคัญเท่ากับสภาวะทางกายใดๆ
ถ้ามีหนึ่งข้อความที่ฉันอยากจะส่งต่อ นั่นก็คือว่า ปัญหาสุขภาพจิตไม่ได้สะท้อนถึงความแข็งแกร่งหรือคุณค่าของคุณ เราไม่ตำหนิใครที่เป็นหวัดหรือกระดูกหัก แล้วทำไมเราถึงตำหนิตัวเองที่รู้สึกวิตกกังวล ซึมเศร้า หรือทำอะไรไม่ถูก ปัญหาด้านสุขภาพจิตไม่ใช่ความล้มเหลวส่วนตัว มันเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ของมนุษย์ และมักเกิดจากปฏิสัมพันธ์ที่ซับซ้อนของปัจจัยทางพันธุกรรม ชีวภาพ และสิ่งแวดล้อม คุณไม่ได้อ่อนแอที่รู้สึกแบบนี้ คุณกล้าหาญมากที่เผชิญหน้ากับมันวันแล้ววันเล่า ทีละขณะของชีวิต
อีกหนึ่งความเข้าใจผิดคือการบำบัดเป็นทำเฉพาะเมื่อเราตกต่ำถึงที่สุด แต่การบำบัดไม่ใช่แค่สำหรับกรณีฉุกเฉินเท่านั้น มันเป็นพื้นที่สำหรับการเติบโต การสะท้อนความคิด และแม้แต่การป้องกัน คุณไม่จำเป็นต้องรอจนรู้สึกจัดการชีวิตไม่ไหวถึงค่อยขอความช่วยเหลือ ตัวอย่างที่ฉันมักบอกกับผู้รับบริการของฉันเสมอคือ ลองคิดว่าการไปรับคำปรึกษาหรือการบำบัดเหมือนกับการปรับปรุงบ้าน เวลาที่ดีที่สุดในการปรับปรุงไม่ใช่ตอนที่บ้านกำลังไฟไหม้ แต่เป็นตอนที่คุณสามารถวางแผนและพัฒนาพื้นที่ของคุณอย่างรอบคอบ ในทำนองเดียวกัน การจัดการกับปัญหาสุขภาพจิตเมื่อคุณกำลังทำได้ดีจะช่วยสร้างความยืดหยุ่นและเพิ่มพูนชีวิตของคุณ ช่วยให้คุณรับมือกับความท้าทายในอนาคตได้ง่ายขึ้น
สำหรับคนที่กำลังดูแลผู้อื่นที่กำลังต่อสู้กับปัญหาสุขภาพจิต ฉันเข้าใจคุณ บางทีคุณอาจเป็นคนในครอบครัวหรือเพื่อนของใครสักคนที่ได้พบกับช่วงเวลายากลำบากในชีวิต บางทีคุณอาจเป็นหัวหน้างานที่พยายามให้กำลังใจสมาชิกในทีมที่คุณรู้ว่ากำลังมีปัญหาอยู่ หรือบางทีคุณอาจเป็นแค่คนธรรมดาที่ไม่ได้ตัดสินคนที่แตกต่างจากสิ่งแวดล้อม หรือบางทีคุณอาจเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตที่สงสัยว่าตัวเองให้การสนับสนุนผู้รับบริการเพียงพอหรือไม่ ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ฉันขอบคุณที่คุณอยู่ตรงนั้น แม้คุณจะไม่เข้าใจประสบการณ์ของพวกเขาอย่างถ่องแท้ แต่แค่การอยู่ตรงนั้น รับฟังโดยไม่ตัดสิน การอยู่เงียบๆ เคียงข้าง หรือแค่พูดว่า "ฉันอยู่ตรงนี้นะ" ก็อาจมีพลังมากกว่าที่คุณคิด คุณไม่จำเป็นต้องแก้ไขทุกปัญหา บางครั้งแค่การมีตัวตนของคุณก็เพียงพอแล้ว
หากคุณกำลังต่อสู้กับปัญหาอยู่ ฉันอยากให้คุณรู้ว่าไม่มีวิธี "ที่ถูกต้อง" เพียงวิธีเดียวในการขอความช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเป็นการพูดคุยกับเพื่อนที่ไว้ใจ การลองใช้กลยุทธ์ช่วยเหลือตนเอง การเข้าร่วมกลุ่มสนับสนุน หรือการทำงานร่วมกับนักบำบัด ทุกก้าวของคุณที่นำไปสู่การดูแลสุขภาพจิตล้วนเป็นการก้าวไปในทิศทางที่ถูกต้อง การเยียวยาไม่ได้เป็นเส้นตรง และไม่มีเส้นทางเดียวไปข้างหน้า สิ่งสำคัญคือคุณก้าวออกไปก้าวแรก และถ้าคุณกำลังอ่านข้อความนี้อยู่ บางทีก้าวนั้นอาจใกล้กว่าที่คุณคิด
ในวันสุขภาพจิตโลก 2024 นี้ ขอให้เราพยายามทำให้สุขภาพจิตกลายเป็นหัวข้อสนทนาที่ทุกคนรู้สึกปลอดภัยที่จะพูดถึง ถึงเวลาแล้วที่จะทำลายการตีตราและแสดงว่าการขอความช่วยเหลือเป็นสัญญาณของความเข้มแข็งและการเป็นอยู่ที่แท้จริง
นั่นคือโลกที่ฉันปรารถนาให้คุณมี และมันเริ่มต้นด้วยขั้นตอนง่ายๆ เพียงขั้นตอนเดียว คือการพูดคุยอย่างเปิดเผยเกี่ยวกับสิ่งที่คุณอยากให้ผู้คนรู้
แบบประเมินสุขภาวะทางอารมณ์
หากคำพูดเหล่านี้สะท้อนถึงตัวคุณ ฉันขอสนับสนุนให้คุณทำแบบประเมินสุขภาวะทางอารมณ์
Naluri วันนี้ มันเป็นเครื่องมือฟรีและทำได้ง่ายๆ ใช้เวลาเพียงห้านาที แต่มันอาจเป็นก้าวแรกสู่การทำความเข้าใจสุขภาพจิตของคุณได้ดีขึ้น บางครั้งส่วนที่ยากที่สุดคือการรู้ว่าจะเริ่มต้นจากตรงไหน นี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นนั้นก็ได้
มาทำให้วันสุขภาพจิตโลก 2024 นี้เป็นจุดเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ กันเถอะ เปิดประตูสู่ความเข้าใจ ความเห็นอกเห็นใจ และที่สำคัญที่สุด คือ การเยียวยา จำไว้ว่าคุณไม่ได้โดดเดี่ยวในการเดินทางนี้
ด้วยความจริงใจ,
Sri Wulandari
(นักจิตวิทยาคลินิก, โค้ชสุขภาพจิต Naluri)
Sri Wulandari, M.Sc., M.Psy., Psychology เป็นนักจิตวิทยาคลินิกและนักสนับสนุนด้านสุขภาพจิตที่มีความหลงใหลในการช่วยเหลือผู้คนให้ก้าวข้ามการตีตราเกี่ยวกับสุขภาพจิต งานของเธอมุ่งเน้นไปที่การบำบัดที่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ เช่น การบำบัดความคิดและพฤติกรรม (CBT) ซึ่งเธอใช้เพื่อแนะนำบุคคลให้ก้าวข้ามปัญหาของชีวิต ตั้งแต่ความวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้า ไปจนถึงภาวะหมดไฟและการจัดการความเครียด ในบทบาทของเธอในฐานะโค้ชสุขภาพจิตของ Naluri เธอช่วยบูรณาการการสนับสนุนด้านสุขภาพจิตเข้ากับชีวิตประจำวัน เสริมพลังให้ผู้คนนำชีวิตที่สมดุลและเติมเต็มมากขึ้น