บทความ - สุขภาพจิต, ความยืดหยุ่น - นัลลูรี่

How Do I Know If My Therapist Is Right For Me - Naluri

เขียนโดย นัลลูรี่ - 4 ส.ค. 2023, 6:33:28

คุณได้นักบำบัดแล้ว ดีใจด้วยนะ!

มันเป็นเรื่องแปลกใหม่ที่มีคนมากขึ้นขอรับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต ไม่ว่าจะเป็นเพื่อช่วยให้เขารับมือกับเรื่องเฉพาะที่ยากลำบาก หรือเพื่อเรียนรู้วิธีจัดการความเครียด ความวิตกกังวล และภาวะซึมเศร้า (นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่ง) ได้ดีขึ้น เช่นเดียวกับสุขภาพกาย สุขภาพจิตของคุณสมควรจะได้รับความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญในยามที่มันไม่สามารถทำงานได้เต็มเปี่ยม

ถือเป็นเรื่องดีที่ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต ไม่ว่าจะเป็นที่ปรึกษา นักจิตวิทยา หรือจิตแพทย์ ล้วนไม่ได้ใช้แนวทางการรักษาแนวทางเดียวสำหรับทุกคน ถ้าดูกันจริง ๆ แล้ว คนเรามีความหลากหลายและปัญหาและข้อกังวลของแต่ละคนก็มีความแตกต่างกันด้วยเช่นกัน คนแต่ละคนจะได้รับการบริการที่ดีที่สุดได้ด้วยการหานักบำบัดที่ใช่ ผู้ที่สามารถเสนอทางเลือกในการรักษาที่ดีที่สุดให้ และกระบวนการที่จะได้มานั้นอาจจำเป็นต้องผ่านการลองผิดลองถูก

คุณสามารถบอกได้ว่าพบคนที่ใช่แล้วดังนี้

 

1. นักบำบัดของคุณฟังมากกว่าพูด

ไม่ว่านักบำบัดจะผ่านการฝึกฝนมาดีเพียงใด ไม่มีผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตคนใดที่จะให้ซัพพอร์ตได้มากพอถ้าเขาไม่เข้าใจปัญหาอย่างถ่องแท้ ดังนั้นจึงจำเป็นที่บุคคลที่คุณพูดคุยด้วยควรจะเป็นผู้ฟังที่ดีเลิศ

คุณอาจจะอยากรู้ผลการวินิจฉัยของผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้รู้สึกอุ่นใจ แต่นักบำบัดที่ดีจะใช้เวลาทำความรู้จักคุณและข้อกังวลใจที่คุณมี คุณคาดหวังได้เลยว่าอาจมีการประเมินคุณแบบเป็นกิจจะก่อนที่นักบำบัดจะระบุว่าคุณเป็นอะไร

เหตุผลมีดังนี้ การระบุว่าคุณเป็นอะไรจะมีความสำคัญถ้ามันจะทำให้ทีมซัพพอร์ตสุขภาพจิตของคุณแนะนำแนวทางรักษา/ซัพพอร์ตให้กับคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด ดังนั้น ถ้าคุณพบว่าตัวเองมีความอยากรู้ผลการวินิจฉัย พึงรับทราบว่าผู้เชี่ยวชาญสุขภาพจิตของคุณอาจไม่ได้มีความเร่งรีบเหมือนกับคุณ นักบำบัดที่ดีจะสนใจที่จะระบุปัญหาของคุณเพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะมีทางเลือกของการซัพพอร์ตที่ดีที่สุด ไม่จำเป็นต้องระบุชี้ชัดว่าคุณเป็นอะไรหรอก!

2. นักบำบัดของคุณใช้การบำบัดตามหลักฐานเชิงประจักษ์

การบำบัดตามหลักฐานเชิงประจักษ์ (EBT) ซึ่งกล่าวถึงในเชิงกว้างว่าเป็นแนวปฏิบัติตามหลักฐานเชิงประจักษ์ (EBP) คือการบำบัดใดก็ตามที่มีประสิทธิภาพในการทดลองทางวิทยาศาสตร์และผ่านการตรวจสอบจากคณะผู้เชี่ยวชาญ

อ้างอิงจากสมาคมเพื่อการบำบัดทางความคิดและพฤติกรรม แนวปฏิบัติตามหลักฐานเชิงประจักษ์มีคุณลักษณะเฉพาะคือ “เป็นการปฏิบัติตามแนวทางและเทคนิคทางจิตวิทยาที่ทำตามหลักฐานเชิงประจักษ์ทางวิทยาศาสตร์”

การผลักดันให้ปฏิบัติตามแนวทาง EBT ในทางจิตวิทยามีจุดมุ่งหมายเพื่อติดตามประสิทธิผลของแผนการรักษา โดยมีเป้าหมายเพื่อให้บริการลูกค้าด้วยการรักษาที่มีประสิทธิภาพโดยมีหลักฐานเชิงประจักษ์เป็นตัวสนับสนุน นั่นคือ “มันใช้ได้ผลไหม” และ “ใช้ได้ผลดีเพียงใด”

ด้านล่างเป็นวิธีบำบัดตามหลักฐานเชิงประจักษ์บางประการที่นักบำบดของคุณอาจเลือกใช้

  • การบำบัดทางความคิดและพฤติกรรม (Cognitive Behavioural Therapy/CBT)
  • การบำบัดความกลัวด้วยการเผชิญหน้ากับสิ่งที่กลัว (Exposure Therapy/ET)
  • การบำบัดเพื่อเสริมสร้างแรงจูงใจ (Motivational Interviewing/MI)
  • พฤติกรรมบำบัดวิภาษวิธี (Dialectical Behaviour Therapy/DBT)
  • การบำบัดเชิงรุกในชุมชน (Assertive Community Treatment/ACT)
  • การบำบัดให้ครอบครัวทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์ (Functional Family Therapy/FFT)

คุณไม่แน่ใจว่าวิธี EBT ใดที่นักบำบัดของคุณใช้อยู่ใช่ไหม - ถามเลย!

คุณมีสิทธิที่จะรู้แผนการรักษาและเราส่งเสริมให้คุณอ่านหาความรู้เพิ่มเติมเพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจที่ดีขึ้นในช่วงการพบแพทย์ นักบำบัดที่ดีจะไม่เร่งทำการรักษา แต่ถ้าสิ่งที่ใช้ไม่ได้ผลจริง ๆ เขา (คุณก็เช่นกัน) ควรจะเปิดกว้างสำหรับรูปแบบการซัพพอร์ตทางเลือกอื่นด้วย

3. นักบำบัดท้าทายคุณ

คุณอาจจะเคยได้ยินแล้วว่าการบำบัดเป็นเรื่องยาก เวลาที่คุณพยายามพูดถึงเหตุการณ์เลวร้าย นั่นจะเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดความท้าทาย เรียนรู้กลไกการรับมือให้ได้ดีขึ้นและเป็นการส่งเสริมการสร้างการเติบโตของคุณ คุณต้องลงแรงด้วย ในบางครั้งนั่นอาจหมายถึงการคิดทบทวนเรื่องยาก ๆ ให้นักบำบัดรู้เพื่อใช้เป็นตัวช่วยชี้ทาง 

แน่นอนว่านักบำบัดของคุณต้องการหาสิ่งที่ดีที่สุดให้คุณ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่ท้าทายคุณ ถ้านักบำบัดของคุณสามารถยิงคำถามแบบลึกหรือให้ทำแบบฝึกหัดเพื่อช่วยบรรเทาสภาวะจิตใจของคุณ โดยไม่ทำให้คุณรู้สึกผิด อับอายหรือเจ็บปวด นั่นแปลว่าคุณได้พบคนที่ไว้ใจได้แล้ว!

โบนัส: นักบำบัดของคุณมีเวลาให้

ในขณะที่การพบแพทย์เพื่อบำบัดแบบตัวต่อตัวโดยส่วนมากต้องนัดหมายเวลา ความต้องการ (และการได้รับ) ซัพพอร์ตไม่จำเป็นต้องเป็นไปตามรูปแบบนั้นเสมอไป

ถ้าผู้เชี่ยวชาญสุขภาพจิตของคุณมีเวลาพบคุณได้โดยไม่จำเป็นต้องทำนัด หรือยิ่งดีไปกว่านั้น ถ้าเขาพยายามตรวจเช็คกับคุณ คุณโชคดีแล้วล่ะ การตรวจเช็คสั้น ๆ และเป็นครั้งคราวพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ามีประสิทธิภาพมากกว่าการพบปะแบบใช้เวลานานแต่นาน ๆ ครั้ง ดังนั้น ถ้านักบำบัดติดต่อได้ผ่านแชทในแอป ให้ตรวจดูสถานะด้วย แม้ว่าทุกอย่างจะปกติดี

แล้วคุณควรทำอย่างไรถ้าคุณยังไม่ได้พบ คนนั้น คนที่เป็นนักบำบัดของคุณ

คำตอบง่าย ๆ! มองหาต่อไป

เชื่อหรือไม่ว่า มีนักบำบัดมากมายสำหรับทุกคนและถ้าคุณคิดว่าคุณและนักบำบัดคนปัจจุบันของคุณยังไม่ลงตัวพอดี นั่นเป็นเรื่องปกติ เป็นเรื่องปกติมากที่จะได้พูดคุยกับแพทย์เวชปฏิบัติมาหลายคนก่อนที่จะพบคนที่ใช่ เป็นหน้าที่ที่คุณจะหาคนที่สามารถให้การซัพพอร์ต รับรองตัวคุณ และปรับแก้ปัญหาของคุณ

การบำบัด o สุขภาพจิต

 

บทความนี้ถูกนำเสนอโดยนักโค้ชสุขภาพจิตของ Naluri แพลตฟอร์ม Naluri เสริมให้คุณพัฒนานิสัยการดูแลสุขภาพที่ดี เรียบเรียงผลลัพธ์สุขภาพที่มีความหมาย และสร้างความเป็นสุขและสุขใจผ่านการโค้ชที่ประเมินและกำหนดเป้าหมายให้บุคคล โดยมีการเรียนรู้ที่ตั้งโครงสร้าง บทเรียนที่นำตัวเอง และเครื่องมือและอุปกรณ์ทางสุขภาพที่ช่วยให้คุณมีสุขภาพที่ดีขึ้นและมีความสุขมากขึ้น ดาวน์โหลดแอป Naluri ได้ทันทีหรือติดต่อ hello@naluri.life เพื่อข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้บริการโค้ชและการรักษาดิจิตออนไลน์เพื่อเป็นคนที่มีความสุขและมีสุขภาพที่ดีขึ้น