มะเร็ง o สุขภาพผู้หญิง
มะเร็งเต้านมได้รับความสนใจอยู่บ้างและมีเหตุผลที่ดีเกี่ยวกับเรื่องนี้ มันเป็นมะเร็งที่พบได้มากที่สุดในกลุ่มผู้หญิงทั่วโลกโดยมีจำนวนเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในผู้หญิงชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
สิ่งที่คุณควรรู้มีดังนี้
มะเร็งเต้านมคืออะไร
มะเร็งเต้านมเป็นมะเร็งชนิดหนึ่งที่เริ่มเกิดขึ้นที่เต้านม มันเริ่มจากการที่มีเซลล์เต้านมกลายพันธุ์มากขึ้นจนควบคุมไม่ได้ มะเร็งเต้านมมีหลายชนิดและชนิดของมะเร็งจะถูกกำหนดโดยดูว่าเซลล์เต้านมใดได้กลายเป็นเซลล์มะเร็ง
เต้านมในผู้หญิงประกอบไปด้วย 3 ส่วนหลัก ๆ:
มะเร็งเต้านมโดยส่วนใหญ่เกิดจากท่อน้ำนมหรือต่อมน้ำนมและสามารถกระจายนอกส่วนเต้านมผ่านทางหลอดเลือดและต่อมน้ำเหลือง เวลาที่มะเร็งเต้านมกระจายไปยังส่วนอื่นของร่างกาย เราเรียกว่าเป็นมะเร็งเต้านมระยะแพร่กระจาย หรือเรียกว่ามะเร็งเต้านมระยะที่ 4 โดยมักจะกระจายไปที่ตับ สมอง กระดูก หรือปอด
เป็นเรื่องจริงหรือไม่ที่ว่ามีเพียงผู้หญิงสูงวัยหรือคนที่มีคนในครอบครัวมีประวัติเป็นมะเร็งเต้านมเท่านั้นที่มีความเสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านม
จริงอยู่ว่าความชราและพันธุกรรมมีส่วนต่อพัฒนาการของมะเร็งเต้านม แต่คนที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งเต้านมโดยส่วนใหญ่ไม่เคยมีประวัติว่าคนในครอบครัวเป็น นั่นแสดงว่ายังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่มีผลต่อการเป็นมะเร็งเต้านม แต่แพทย์ยังไม่สามารถอธิบายได้ว่าทำไมมะเร็งเต้านมจึงเกิดขึ้นกับคนคนหนึ่งแต่ไม่ใช่กับอีกคนหนึ่ง
อะไรเป็นสาเหตุทำให้ผู้หญิงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นมะเร็งเต้านมมากขึ้น
การเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ป่วยมะเร็งเต้านมในกลุ่มผู้หญิงชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีความเชื่อมโยงกับการใช้ไลฟ์สไตล์และการทานอาหารแบบชาวตะวันตกมากขึ้น โดยรวมถึงสิ่งที่เกิดขึ้นด้านอื่น อาทิ การมีลูกในอายุที่มากขึ้นหรือมีลูกน้อยลง ให้นมบุตรในระยะเวลาที่สั้นลง มีพฤติกรรมเนือยนิ่งมากขึ้น บริโภคไขมันมากขึ้นและทานอาหารดั้งเดิมน้อยลงไม่ว่าจะเป็นข้าว ผักสด และถั่วเหลือง (มีความเชื่อมโยงกับการลดความเสี่ยงการเป็นมะเร็งเต้านม) ตัวอย่างเช่น ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งมีอัตราการเกิดมะเร็งเต้านมสูงสุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (65 ต่อ 100,000 คน)
หมายความว่าการมีไลฟ์สไตล์ที่ดีต่อสุขภาพและการเลือกทานอาหารสามารถตัดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านมได้ใช่หรือไม่
ไม่นะ มันไม่ได้ตัดออกไปเลย แต่การมีไลฟ์สไตล์ที่ดีต่อสุขภาพและทานอาหารที่เป็นประโยชน์สามารถลดความเสี่ยงต่อมะเร็งเต้านมได้
เนื่องจากความเสี่ยงไม่สามารถถูกกำจัดไปโดยสิ้นเชิงได้ แต่เราสามารถมันลดได้ สิ่งสำคัญจึงอยู่ที่การตรวจคัดกรอง/แมมโมแกรม ตรวจเต้านมตัวเอง และสนใจสังเกตดูการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับเต้านมซึ่งถือเป็นการตรวจหาความผิดปกติแต่เนิ่น ๆ
ความเปลี่ยนแปลงที่ต้องสังเกตดูคือ:
แนะนำให้ผู้หญิงอายุมากกว่า 40 ปีทำการตรวจแมมโมแกรมประจำปี โดยเฉพาะถ้ามีประวัติคนในครอบครัวเคยเป็นโรค
การสวมใส่เสื้อชั้นในและการใช้ยาระงับกลิ่นกายเป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งเต้านมหรือไม่
มีทฤษฎีระบุว่าเสื้อชั้นในเสริมโครงเหล็กและยาระงับกลิ่นกายมีผลต่อการไหลเวียนของน้ำเหลืองและทำให้เกิดการสะสมของสารพิษในต่อมน้ำเหลืองได้ อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีหลักฐานสนับสนุนข้อสรุปที่ว่าเสื้อชั้นในเสริมโครงเหล็กจะไปจำกัดการกำจัดสารพิษออกจากร่างกายโดยผ่านระบบน้ำเหลือง ในทางตรงกันข้าม การศึกษาเกี่ยวกับยาระงับกลิ่นกายบ่งชี้ว่าสามารถทำให้เกิดการสะสมของอะลูมิเนียมในเนื้อเยื่อของเต้านมมากขึ้นแต่มันไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางตรงต่อการเป็นสาเหตุแน่ชัดของมะเร็งเต้านม
ปัจจัยความเสี่ยงที่เพิ่มโอกาสการเป็นมะเร็งเต้านมมีดังนี้:
การกลายพันธุ์สำหรับยีน BRCA1 และ BRCA2 ได้มาจากพันธุกรรม การกลายพันธุ์เหล่านี้ไปเพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งเต้านมและรังไข่
ระยะเวลาการมีรอบเดือน หมายถึง การหมดประจำเดือนเร็วหรือช้าเป็นตัวเพิ่มช่วงเวลาการผลิตฮอร์โมนในรังไข่ ( เอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนที่สังเคราะห์ภายใน) เพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งเต้านม การใช้ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมน การตั้งครรภ์แรกในวัยมากกว่า 30 ปี การไม่ได้ให้นมบุตร และไม่เคยตั้งครรภ์จบครบระยะเวลาเป็นปัจจัยที่เพิ่มโอกาสเป็นมะเร็งเต้านมด้วยเช่นกัน
เนื้อเต้านมที่หนาแน่นมีเนื้อเยื่อเกี่ยวพันมากกว่าเนื้อเยื่อไขมันทำให้ยากในการมองเห็นเนื้องอกเวลาทำแมมโมแกรม
ผู้หญิงที่เป็นมะเร็งเต้านมมักจะกลับมาเป็นมะเร็งเต้านมอีก โรคทางเต้านมที่ไม่ใช่มะเร็ง อาทิ เซลล์เยื่อบุผิวท่อน้ำนมหรือต่อมน้ำนมแบ่งตัวเพิ่มจำนวนมากผิดปกติ หรือมะเร็งต่อมน้ำเหลืองในแหล่งกำเนิดมักจะสัมพันธ์กับความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งที่สูงขึ้น
ความเสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านมในผู้หญิงจะมีสูงขึ้นถ้าญาติสายตรงลำดับหนึ่งหรือคนในครอบครัวหลายคนของฝ่ายพ่อหรือแม่เคยเป็นมะเร็งเต้านมหรือมะเร็งรังไข่
ผู้หญิงที่ไม่ค่อยเคลื่อนไหวร่างกายมีความเสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านมสูงขึ้น
ผู้หญิงสูงวัยที่มีน้ำหนักตัวเกินหรือเป็นโรคอ้วนมีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งเต้านมสูงกว่าคนที่มีน้ำหนักตัวปกติ
การบำบัดฮอร์โมนทดแทนบางรูปแบบที่ทานในช่วงวัยหมดประจำเดือนซึ่งรวมถึงชนิดเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนสามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งเต้านมได้
การศึกษาระบุว่าผู้หญิงมีความเสี่ยงต่อมะเร็งเต้านมเพิ่มขึ้นตามปริมาณแอลกอฮอล์ที่ดื่ม
ทำไมการตรวจหาความผิดปกติได้เร็วจึงสำคัญ
การตรวจหาความผิดปกติได้เร็วทำให้มีโอกาสในการรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดและมีทางเลือกทางการรักษาต่าง ๆ ซึ่งเท่ากับเป็นการเพิ่มโอกาสของการรอดและพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย
การตรวจเต้านมด้วยตัวเองเป็นวิธีการตรวจหาความผิดปกติแต่เนิ่น ๆ ที่สุดที่มีการสอนให้กับผู้หญิงทุกคนตั้งแต่ช่วงเข้าสู่วัยรุ่น แม้จะยังไม่มีหลักฐานชัดเจนที่บอกว่าการตรวจสอบเช่นนี้ทุกเดือนจะช่วยลดอัตราการเสียชีวิต แต่มันช่วยให้ผู้หญิงตระหนักมากขึ้นถึงรูปลักษณ์และความรู้สึกที่เต้านมควรเป็นโดยปกติ เพื่อสามารถตรวจพบการเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติได้ง่ายขึ้นและนำไปสู่การวินิจฉัย
แมมโมแกรมมีความปลอดภัยหรือไม่
การตรวจอาจทำให้เจ็บโดยเฉพาะเวลาที่เนื้อเยื่อเต้านมถูกกดระหว่างที่ทำแมมโมแกรม อย่างไรก็ตาม แมมโมแกรมหรือการเอ็กซเรย์เต้านมไม่ได้ทำให้มีความเสี่ยงต่อมะเร็งเต้านมมากขึ้นหรือทำให้มีการแพร่กระจาย แม้จะมีปริมาณรังสีเล็กน้อยจากการทำแมมโมแกรม ความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายจากการสัมผัสรังสีนี้มีต่ำมาก แมมโมแกรมยังคงเป็นมาตรฐานที่ดีที่สุดในการตรวจหามะเร็งเต้านมแต่เนิ่น ๆ
วิธีการตรวจหาความผิดปกติอื่น ๆ ได้แก่:
การอัลตร้าซาวด์เต้านม
การอัลตร้าซาวด์เต้านมใช้คลื่นเสียงเพื่อสร้างภาพภายในเต้านมออกทางจอคอมพิวเตอร์ มันสามารถแสดงถึงการเปลี่ยนแปลงเต้านมบางอย่าง เช่น ถุงน้ำ ซึ่งอาจมองไม่เห็นในเครื่องแมมโมแกรม
การทำ MRI เต้านม
การทำ MRI เต้านม (การตรวจด้วยเครื่องสร้างภาพด้วยสนามแม่เหล็กไฟฟ้า) ใช้คลื่นวิทยุและสนามแม่เหล็กในการสร้างภาพภายในเต้านมที่มีรายละเอียด
การตรวจชิ้นเนื้อเพื่อการวิจัย
การตรวจชิ้นเนื้อเพื่อการวิจัยเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการวินิจฉัยมะเร็งเต้านม เป็นการเก็บตัวอย่างเนื้อเยื่อและส่งไปยังห้องปฏิบัติการเพื่อการวิเคราะห์ จากนั้น ห้องปฏิบัติการจะระบุว่าเป็นเซลล์มะเร็งหรือไม่ บอกถึงชนิดเซลล์ที่เกี่ยวข้อง ความรุนแรงของมะเร็ง และระบุว่าเซลล์มะเร็งมีตัวรับฮอร์โมนที่อาจมีผลต่อทางเลือกการรักษาหรือไม่
มะเร็งเต้านมมีกี่ชนิดและมีวิธีรักษาอย่างไรบ้าง
มะเร็งเต้านมมีหลายชนิดและแต่ละชนิดถูกกำหนดโดยเซลล์เต้านมเฉพาะจุดที่มีความผิดปกติ ชนิดของการรักษาที่ผู้ป่วยจะได้รับจะขึ้นอยู่กับชนิดของเซลล์มะเร็งและพื้นที่การแพร่กระจาย
มะเร็งเต้านมแบ่งเป็น 2 กลุ่มหลัก:
มะเร็งเต้านม 2 กลุ่มดังกล่าวบ่งบอกถึงมะเร็งเต้านมชนิดที่พบได้บ่อยดังนี้:
แผนการรักษาสำหรับผู้ป่วยแต่ละรายจะพิจารณาตามความจำเป็นและอาจรวมถึงการรักษาชนิดใดชนิดหนึ่งหรือมากกว่าหนึ่งชนิดก็ได้ การรักษาที่ใช้บ่อยได้แก่:
ผู้หญิงในทุกกลุ่มอายุจำเป็นต้องใส่ใจเต้านมตนเอง ทำการตรวจเต้านมด้วยตัวเอง รายงานความเปลี่ยนแปลงที่มีให้แพทย์ทราบและขอให้ตรวจเพื่อยืนยันว่าไม่ใช่มะเร็งเต้านมกรณีที่มีอาการที่สร้างความกังวลใจ แม้ว่ามะเร็งเต้านมมักจะเกิดขึ้นกับผู้หญิงโดยหลัก แต่ผู้ชายเองก็สามารถเป็นได้เช่นกัน ข้อเท็จจริงคือ ประมาณ 1% ของการวินิจฉัยพบว่ามะเร็งเต้านมมาจากผู้ชาย
เป็นเรื่องสำคัญที่จะเข้าใจว่ามะเร็งเต้านมอาจเป็นซ้ำและสามารถมีผลข้างเคียงได้แม้ว่าได้รับการรักษาสำเร็จมาแล้ว ความเจ็บปวดและความตึง เหนื่อยล้า ผิวที่เปลี่ยนไป รู้สึกเสียวและชาที่มือและเท้า อาการหลังวัยหมดประจำเดือน รวมถึงผลข้างเคียงทางจิตและอารมณ์ อาทิ ความวิตกกังวล ความกลัวการเกิดซ้ำ และการเปลี่ยนแปลงด้านความสัมพันธ์ล้วนมีผลต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย
มะเร็ง o มะเร็งเต้านม
บทความนี้ถูกนำเสนอโดยนักโค้ชสุขภาพจิตของ Naluri แพลตฟอร์ม Naluri เสริมให้คุณพัฒนานิสัยการดูแลสุขภาพที่ดี เรียบเรียงผลลัพธ์สุขภาพที่มีความหมาย และสร้างความเป็นสุขและสุขใจผ่านการโค้ชที่ประเมินและกำหนดเป้าหมายให้บุคคล โดยมีการเรียนรู้ที่ตั้งโครงสร้าง บทเรียนที่นำตัวเอง และเครื่องมือและอุปกรณ์ทางสุขภาพที่ช่วยให้คุณมีสุขภาพที่ดีขึ้นและมีความสุขมากขึ้น ดาวน์โหลดแอป Naluri ได้ทันทีหรือติดต่อ hello@naluri.life เพื่อข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้บริการโค้ชและการรักษาดิจิตออนไลน์เพื่อเป็นคนที่มีความสุขและมีสุขภาพที่ดีขึ้น